การแพทย์อิสลามต่อเรอเนสซองยุโรป
ช่วงสิ้นสุดศตวรรษที่
15 ยุโรปตื่นตัวด้านความรู้,
วัฒนธรรม, และวิทยาศาสตร์ไปทั่วทั้งทวีป
จากนั้นเรอเนสซองหรือการฟื้นฟูศิลปวิทยาการก็ได้ก่อกำเนิดขึ้น
วิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นส่วนหนึ่งของแสวงหาทางปัญญาในช่วงนี้
ซึ่งเป็นผลมาจากโรงเรียนแพทย์จำนวนมากมายที่ก่อตั้งขึ้นมาทั่วยุโรป
การแพทย์อิสลามมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการก่อตั้งและการพัฒนาของโรงเรียนแพทย์ในยุโรป
โดยเฉพาะในโรงเรียนแพทย์แห่งแรกๆ เช่นที่ซาแลร์โน ด้านใต้ของอิตาลี
และที่มองเปลิเอและปารีสในฝรั่งเศส
ช่วงยุคทองของศิลปวิทยาการอิสลามเมื่อ 1,000 ก่อนหน้านี้
ชาวอาหรับมิได้ทำแค่เพียงแปลตำรากรีกมาเท่านั้น
พวกเขาสร้างแพทย์ชื่อดังจนเป็นตำนานของยุค, ตัวยารักษาอาการป่วยไข้ซึ่งในสมัยก่อนหน้านั้นยังไม่มีใครรู้จัก,
และท้ายที่สุดคือโรงเรียนแพทย์ของพวกเขาซึ่งกลายเป็นแม่แบบของโรงเรียนแพทย์ในโลกตะวันตก
ยุโรปได้ก่อตั้งโรงเรียนแพทย์แบบเดียวกับอาหรับขึ้นมา, จัดระเบียบองค์กรเหมือนกัน, และก็สอนหลักสูตรเดียวกัน
เราจะมาดูกันถึงการแพทย์อิสลามในศตวรรษที่ 10 จากนั้นก็เป็นบทบาทของการแพทย์อิสลามต่อการแพทย์ยุโรปในช่วงการตื่นตัวทางปัญญาของยุโรปและต่อมาด้วยยุคเรอเนสซอง
ย้อนหลังไปไกลถึงศตวรรษที่ 10 วงการแพทย์อิสลามประกอบไปด้วย
3 ส่วนคือ
1.องค์กรทางการแพทย์แบบใหม่
2.แพทย์ศาสตร์หรือเวชกรรมแบบใหม่
3.เภสัชตำรับแบบใหม่
1. องค์กรทางการแพทย์
องค์กรทางการแพทย์ของอิสลามต่างจากของกรีกโบราณ
เพราะองค์กรทางการแพทย์อิสลามประกอบด้วย ‘โรงเรียนแพทย์’
ซึ่งสอนทฤษฎี, ‘ห้องสมุด’ ที่ล้นหลามไปด้วยหนังสือสาขาต่างๆ, และ ‘โรงพยาบาล’ ให้นักเรียนได้ฝึกฝนรักษาคนไข้โดยตรงและจำแนกแยกแยะอาการของโรค
ตัวอย่างของโรงพยาบาลที่เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนแพทย์ได้แก่
โรงพยาบาลแบกแดด (อิรัก), โรงพยาบาลเรย์, โรงพยาบาลอิบนุ ตูลูน (อียิปต์)
นอกจากนี้แล้ว องค์กรนี้ยังวางเขื่อนไขให้นักเรียนที่ต้องการศึกษาวิชาแพทย์ศาสตร์ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการที่มีประธานคณะกรรมการเป็นนักวิทยาศาสตร์
คณะกรรมการชุดนี้ยังมีอำนาจถอนใบอนุญาตของแพทย์รายนั้นได้หากพิจารณาแล้วเห็นว่าแพทย์คนนั้นมีความรู้ไม่เพียงพอ
2. แพทย์ศาสตร์หรือเวชกรรมแผนใหม่
การแพทย์แผนใหม่ของมุสลิมมีพื้นฐานบนการสังเกต
ซึ่งคล้ายคลึงกับแพทย์สมัยโบราณ
แต่การแพทย์อิสลามได้พัฒนาให้จำแนกแยกแยะลักษณะอาการของโรคเป็นหลายๆ ประเภท
ซึ่งระบบนี้ทำให้แพทย์สามารถอธิบายอาการป่วยแบบใหม่ๆ ได้หลายอย่างเช่น โรคไข้ทรพิษ
(ฝีดาษ) ที่อธิบายโดย ราเซส (Rhases หรือ อัล-ราซี Al-Rasi
ค.ศ.865-925) และ อวิเซนนา (Avicenna หรือ อิบนุซินา Ibn Sina ค.ศ.980-1037), โรคหัด, เยื่อหุ้มปอดอักเสบ, และอื่นๆ
ตำราชุด Continen ของราเซสประกอบด้วยหนังสือถึง
70 เล่ม ได้รวบรวมความรู้ด้านการแพทย์ในสมัยศตวรรษที่ 10
ไว้ทั้งหมด ส่วนตำรา ‘อัล-กอนูน’
(Qanun หรือ Canon of Medicine) ของอวิเซนนานั้นเขียนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย
ครอบคลุมการแพทย์ทุกสาขา และได้กลายมาเป็น ‘ไบเบิลของวงการแพทย์’
ของโลกยุคกลาง
อัล-กอนูนใช้เป็นตำราแพทย์ในมหาวิทยาลัยแพทย์ยุโรปจนถึงปี 1650 อวิเซนนาได้รับสมญานามว่า ‘เจ้าชายแห่งวงการแพทย์’
3. เภสัชตำรับแผนใหม่
ชาวอาหรับพัฒนาสารหรือยาที่ใช้ในการรักษาโรคยุคแรกๆ
พวกเขาจัดระบบยาและกฎของศาสตร์ด้านนี้ เราสามารถดูได้จากหนังสือ Nichajat
ar Rutba ที่เขียนขึ้นในปี 1236 ส่วนฉบับสำเนาที่คัดลอกในศตวรรษที่
15 ยังถูกเก็บรักษาไว้ที่กรุงซาราเยโว ประเทศบอสเนีย
สิ่งเหล่านี้ทำให้การแพทย์อิสลามขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว และตั้งแต่ศตวรรษที่ 10
แล้วที่ชื่อต่อไปนี้ถูกจารึกไว้ในวงการแพทย์ ทั้ง ราเซส ในอิหร่าน,
อัล-มากูดี (Al-Macoudy) และอาลีอิบนุ อับบาส
อัล-มาจูซี (Ali ibn Abbas al-Majusi เสียชีวิตค.ศ.982-994)
ในอิรัก, อิบนุ อัล-จัซซาร์ (Ibn
al-Jazzar ค.ศ.855-955) ในตูนีเซีย, และ ‘อัลบูคาซิส’ (Albucasis หรือ
อัล-ซาฮ์ราวี Al-Zahrawi ค.ศ.936-1013) ในสเปน
ยุโรปได้ประโยชน์จากพัฒนาการในวงการแพทย์อิสลามเพราะมีชาวยุโรปจำนวนมากเข้าศึกษาในโรงเรียนอิสลามและโดยเฉพาะที่เมืองกอร์โดบา
อาณาจักรมุสลิมสเปน เฉพาะที่มีชื่อเสียงได้แก่ เกอร์เบิร์ตแห่งออริแลค (Gerbert
of Aurillac ค.ศ.946-1003 ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นโป๊ปซิลเวสเตอร์ที่
2), เจอราดแห่งครีโมนา (Gerard of Cremona ค.ศ.1114-87), Arnaldus de Villanueva (ค.ศ.1235-1311),
คอนสแตนติน ดิอาฟริกัน (Constantine the African หรือ Constantinus Africanus ค.ศ.1020-87), และอื่นๆ
โรงเรียนแพทย์แห่งแรกๆ
ในยุโรปเป็นที่รู้จักกันก็เพราะตำราแพทย์อิสลาม ได้แก่
โรงเรียนแพทย์ซาแลร์โนในอิตาลี, มองเปลิเอและปารีสในฝรั่งเศส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น